- หน้าหลัก
- >
- บทความน่ารู้
- >
- รู้ก่อนป้องกันได้ กับโรคกรดไหลย้อน 3 ระยะ
รู้ก่อนป้องกันได้ กับโรคกรดไหลย้อน 3 ระยะ
ชอบใช่ไหม แชร์เลย
00จากประสบการณ์ที่ผมได้พูดคุยและรักษาผู้ป่วยมาหลายรายสรุปได้ว่า โรคกรดไหลย้อนแบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกัน คือ
ระยะที่ 1 เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหาร
เพราะน้ำย่อยทำงานได้ไม่ดี ไม่สามารถย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพอย่างปกติ อาการในระยะที่ 1 ส่วนใหญ่จะมีอาการจุกแน่นท้อง กินอาหารแล้วรู้สึกไม่ย่อย มีอาการแสบที่กระเพาะอาหารและแสบตรงช่วงหน้าอก เพราะกรดนั้นไหลย้อนขึ้นมา ดังนั้น ถ้าคุณ มีอาการคล้ายกับที่กล่าวมาข้างต้น คุณก็เข้าข่ายเป็นผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนระยะที่ 1 แล้ว
วิธีการดูแลรักษาผู้ป่วยในระยะที่ 1 จะรักษาค่อนข้างง่ายสามารถทำได้เองจากที่บ้านไม่ต้องพึ่งยาหรือแพทย์ก็ได้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ
ส่วนที่ 1 เกิดจากแผลในกระเพาะอาหาร
ควรเริ่มจากการรักษาแผลในกระเพาะอาหารก่อน วิธีการรักษาที่แนะนำคือ กิน "กล้วยน้ำว้าดิบ" สามารถกินได้ก่อนอาหารเช้า กลางวัน และเย็นประมาณ 30 นาที เพราะในกล้วยน้ำว้าดิบมีสารอยู่ 2 ชนิด ชื่อว่า
"สารแทนนิน" (tannin) ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตหรือฆ่าเชื้อแบคที่เรียได้ดีมาก ใช้ป้องกันและบำบัดโรคแผลในกระเพาะอาหารโดยจะไปกระตุ้นให้เซลล์ในเยื่อบุกระเพาะอาหารหลั่ง "สารมิวซิน" (mucin) ออกมาช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร ในส่วนของเปลือกและเนื้อกล้วยน้ำว้าดิบยังมี "สารเซโรโทนิน" (serotonin) ช่วยับยั้งการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร และกล้วยผลดิบยังใช้รักษาอาการ ท้องเสีย บิดมูกเลือดได้อีกด้วย
สมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่อยากจะแนะนำก็คือ "ขิง" หรือ
"ขมิ้นชัน" แต่สมุนไพรที่แนะนำให้กินเป็นประจำคือขิง เพราะขมิ้นชันจะมีคุณสมบัติที่ละลายน้ำได้ยาก โอกาสที่กระเพาะอาหารจะดูดซึมเข้าไปช่วยรักษาแผล หรือเข้าไปกระตุ้นน้ำย่อยต่าง ๆ ไม่ดีเท่ากับขิง
คุณสมบัติของขิงนั้นดีมาก ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ช่วย ขับลม และกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้อาการท้องอึดบรรเทาลงได้ ช่วยฟื้นฟูและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยขจัดเอาอาหาร ที่อยู่ในกระเพาะอาหารออกจากกระเพาะอาหารได้ไวขึ้น และสามารถนำเอาอาหารไหลลงไปสู่ลำไส้เล็กได้อย่างรวดเร็ว ทำให้โอกาสเกิด
โรคกรดไหลย้อนได้ยากขึ้น
แนะนำให้กินขิงในเวลาเช้า กลางวันและเย็น จะเป็นการกินในรูปแบบของน้ำขิงหรือจะเป็นขิงที่ใช้สำหรับประกอบอาหาร
ก็ได้
ส่วนที่ 2 กระตุ้นน้ำย่อย
เมื่อรักษาแผลในกระเพาะอาหารแล้ว หลังจากนั้นจะต้องมากระตุ้นให้น้ำย่อยทำงานในกระเพาะอาหารให้ดี
ระยะที่ 2 เกิดจากลำไส้มีอุจจาระตกค้าง
เมื่อกระบวนการย่อยอาหารไม่สมบูรณ์เป็นเวลานาน จะเกิด ปัญหามีอาหารตกค้างในลำไส้ ส่งผลให้ท้องผูก ขับถ่ายไม่ตรงเวลาเรอบ่อยรู้สึกแสบร้อนบริเวณหน้าอก กลื่นลำบาก ผายลมเหม็น และทำให้เกิดแก๊สพิษ หรือแรงดันไหลย้อนขึ้นไป ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคกรดไหลย้อน
ขั้นตอนแรก ควรรีบกำจัดอุจจาระที่ตกค้างในลำไส้ทั้งหมด ซึ่ง
มีอยู่หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการกินส้มแขก มะขามแขก หรือธรณีสัณฑะมาต ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน ในช่วงแรก ถ้าอยากจะกำจัดอุจจาระที่ตกค้างเป็นระยะเวลานานทั้งหมดให้ออกไป
วิธีที่ง่ายและปลอดภัย แนะนำให้ใช้ยาสวนทวารสำหรับผู้ใหญ่ทำติดต่อกัน 3-5 วัน จนรู้สึกว่าสิ่งตกค้างในลำไส้ออกไปทั้งหมดแล้ว
วิธีการตรวจสอบว่าไม่มีสิ่งตกค้างในลำไส้แล้ว คือต้องไม่รู้สึก ว่าแน่นท้อง จับที่ท้องและกดลงไปแล้ว ท้องไม่แข็งหรือป่อง แสดงว่าไม่มีอุจจาระตกค้างเหลืออยู่ เมื่อเราสามารถกำจัดของเสียออกไปได้หมดแล้ว จะต้องมีวิธีดูแลรักษาลำไส้ไม่ให้กลับมาตกค้าง หรือมีอาการ ท้องผูกอีก
วิธีดูแลรักษาลำไส้แบบง่าย ๆ คือ ควรเติม "จุลินทรีย์ตัวดี"เข้าไป หรือ "โพรไบโอติก" (probiotic) ซึ่งในท้องตลาดจะมีอยู่หลายประเภท เช่น โยเกิร์ต หรืออาหารเสริมที่มีโพรไบโอติก ควรกินอย่างต่อเนื่องจนรู้สึกว่าไม่มีปัญหาเรื่องท้องผูกอีก
ในส่วนของระยะที่ 1-2 จะเป็นวิธีง่ายๆ ควรรักษาควบคู่กันไปด้วย วิธีที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยรักษาอาการกรดไหลย้อนได้ดีมาก โดยไม่ต้องพึ่งยาและพบคุณหมอเลย
ระยะที่ 3 สารอาหารในเลือดเหลือน้อย
จากกระบวนการย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ จากการเป็นโรคกรดไหลย้อนระยะที่ 1-2 เป็นเวลานาน ทำให้กินอะไรไม่ค่อยได้ จึงไม่ได้รับสารอาหารที่ไปดูแลร่างกายอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะโปรตีนที่ร่างกายต้องการมากที่สุด จึงทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ปัญหาที่ตามมา คือ ร่างกายป่วยง่าย หมดแรง มึนศีรษะบ่อย จุกแน่น แสบร้อน ช่วงอกมากขึ้น กินอาหารไม่ค่อยลง แต่มีอาการหิวบ่อย
เม็ดเลือดของผู้ป่วยระยะนี้จะมีขนาดเล็กลงจนทำให้ออกซิเจนและน้ำในเลือดน้อยลงตามไปด้วย ผู้ป่วยจะมีอาการนอนหลับไม่สนิท ปากแห้ง ลิ้นแห้ง หายใจได้ไม่เต็มปอด เมื่อขาดสารอาหาร ก็เติมสารอาหารที่ร่างกายต้องการเข้าไปเพิ่ม แต่เนื่องจาก ผู้ป่วยระยะนี้จะกินอะไรได้น้อย เป็นผลสืบเนื่องจากอาการทั้งหลาย ที่กล่าวไปข้างต้น อาจจะต้องหาตัวช่วยเสริมเป็นพวกอาหารเสริมโปรตีนสำเร็จรูป ยาบำรุงเลือด ควรกินอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะรู้สึกกลับมาเป็นปกติ มีพละกำลังเพิ่มขึ้น ฟื้นตัวจากโรคกรดไหลย้อนได้ดี
#ปรึกษาปัญหาสุขภาพฟรี #เภสัชกรเอ็กซ์ #GRD #จุกคอ #แสบร้อน #อาหารไม่ย่อย #หายใจไม่สะดวก #ดูแลปัญหากรดไหลย้อน #ขับลม #แก้ท้องอืด #กระตุ้นการย่อย